รีพอร์ต
มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงคนเดียว 2 ประตู และยังจ่ายอีก 1 ลูก ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดบ้านคว้าชัยชนะ 3 – 2 เหนือคู่ปรับพรีเมียร์ ลีกอย่างอาร์เซนอล
ศูนย์หน้ารายนี้สานต่อฟอร์มอันยอดเยี่ยมเมื่อกลางสัปดาห์ โดยยิงให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดขึ้นนำ 2 – 0 ในครึ่งแรก ก่อนที่อดีตนักเตะปีศาจแดงอย่าง แดนนี่ เวลเบ็ค จะยิงตีตื้นขึ้นมาให้กับทีมเยือนช่วง 5 นาทีก่อนพักครึ่ง ดาวรุ่งฟอร์มแรงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมามีส่วนร่วมกับการทำประตูของทีมอีกครั้งในขณะที่เกมเหลือ 25 นาที โดยจ่ายให้ อันเดร์ เอร์เรร่า บวกลูกที่ 3 ก่อนที่ เมซุต โอซิล จะมายิงให้ทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ไล่ขึ้นมาอีก
ก่อนเกมนี้ ทีมปีศาจแดงได้รับข่าวดีเมื่อ ดาบิด เด เคอา กลับมาเฝ้าเสาเป็นตัวจริงอีกครั้ง ซึ่งเขาเป็นหนึ่งใน 2 ตำแหน่งที่ถูกสับเปลี่ยนจากเกมกับมิดทิลลันด์เมื่อวันพฤหัสบดี มาร์กอส โรโฮ เป็นอีกคนที่มีชื่อเป็น 11 ตัวจริง หลังจากที่ได้ลงมาเคาะสนิมในเกมกับทีมแชมป์จากเดนมาร์กในฐานะตัวสำรอง
รูปเกมเป็นไปตามคาดคือทั้ง 2 ทีมต่างก็พยายามเปิดเกมบุกตั้งแต่ต้นเกม โอกาสแรกตกเป็นของทีมเยือนในนาทีที่ 6 บอลถูกจ่ายจากโอซิลมาให้ นาโช่ มอนเรียล ยิงในกรอบเขตโทษ แต่เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะเด เคอาที่ออกมาบล็อคได้
ทีมปีศาจแดงเกือบที่จะได้ลูกจุดโทษเมื่อแรชฟอร์ดพาบอลผ่าน 2 ผู้เล่นเข้ากรอบเขตโทษ ซึ่งในจังหวะนี้เขาถูก กาเบรียล เปาลิสต้า ปะทะล้มลง แต่เมื่อดูจากภาพช้าจะเห็นได้ว่าเขาถูกทำฟาวล์นอกกรอบเขตโทษ และจากฟรีคิกจังหวะนี้ เมมฟิส เดปาย ก็ยิงให้ ปีเตอร์ เช็ค ต้องออกแรงเซฟ
ขณะที่โอกาสลุ้นประตูเริ่มมีให้เห็นน้อยลงเรื่อยๆ เกมก็กลับมาสนุกอีกครั้งก่อนครบครึ่งชั่วโมง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นฝ่ายได้ประตูขึ้นนำไปก่อน จากจังหวะครอสบอลทางฝั่งขวาของ กิเยร์โม่ บาเรล่า แนวรับอาร์เซนอลสกัดบอลไม่ขาดมาเข้าทางแรชฟอร์ดยิงโล่งๆ เข้าไปให้กับทีมปีศาจแดง
ประตูนี้ทำให้อาร์เซนอลตื่นตัว แต่ทีมของเวนเกอร์ก็ต้องมาเก็บบอลจากก้นตาข่ายของพวกเขาเองอีกครั้ง ทีมปีศาจแดงเปิดเกมบุกด้วยความรวดเร็ว จากจังหวะครอสมาทางกรอบเขตโทษด้านขวา บาเรล่าโขกต่อให้ เจสซี่ ลินการ์ด และปีกรายนี้ก็บรรจงครอสไปให้แรชฟอร์ดโขกผ่านมือเช็คเข้าไป ส่งให้แฟนบอลในโอลด์ แทรฟฟอร์ดเฮกันลั่นสนาม
อาร์เซนอลไม่ยอมง่ายๆ และพวกเขาก็มาทวงประตูคืนได้ในขณะที่ครึ่งแรกเหลือเวลาอีก 5 นาที เป็นโอซิลอีกครั้งที่ทำแอสซิสต์ เขาเปิดลูกฟรีคิกเข้ามาในกรอบเขตโทษให้เวลเบ็คโขกเข้าประตูไป ก่อนที่จะจบครึ่งแรกอันแสนสนุกตื่นเต้น
ครึ่งหลังเริ่มต้นเหมือนกับตอนจบครึ่งแรก เป็นทีมเยือนที่ทำได้ดีกว่า อเล็กซิส ซานเชซ ซึ่งทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในเกมแรกที่ทั้ง 2 ทีมพบกันเมื่อเดือนตุลาคมได้ยิงไปติดบล็อคโรโฮ หลังจากลากขึ้นหน้ามา 18 หลา
โรโฮจำต้องถูกเปลี่ยนตัวออก เมื่อได้รับบาดเจ็บจากจังหวะปะทะ 50-50 กับเวลเบ็ค ซึ่งทำให้ดาวรุ่งวัย 18 ปีอย่าง ทิโมธี โฟซู-เมนซาห์ ได้รับโอกาสประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ไปอีกคน และจากการเปลี่ยนตัวครั้งนี้ก็ทำให้อาร์เซนอลตัดสินใจส่งเอา โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ลงมาล่าตาข่ายในช่วง 30 นาทีสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม กลับกลายเป็นทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ที่สร้างสรรค์โอกาสได้ดีกว่า และโอกาสถัดไปก็กลายมาเป็นประตูที่ 3 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แรชฟอร์ดได้บอลในพื้นที่สุดท้ายของอาร์เซนอล ก่อนที่จะจ่ายต่อให้เอร์เรร่าที่วิ่งเติมขึ้นมาซัดไปแฉลบ โลร็องต์ กอสซิเอลนี่ย์ เปลี่ยนทางเข้าสู่ก้นตาข่าย
เมมฟิสเกือบที่จะบวกประตูที่ 4 ได้ หลังจากขึ้นเกมมาอย่างสวยงามกับแรชฟอร์ด แต่ก็กลายเป็นอาร์เซนอลที่มาทวงประตูคืนได้อีกครั้ง เวลเบ็คได้บอลในกรอบเขตโทษ เขายิงไปติดเซฟของเด เคอา แต่ในจังหวะต่อเนื่องก็เป็นโอซิลที่ยิงซ้ำกระดอนพื้นเข้าประตูไป
โอลด์ แทรฟฟอร์ดเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เวลาเริ่มนับถอยหลัง นักเตะของทั้ง 2 ฝั่งถูกจดชื้อกันเป็นว่าเล่น และอาร์เซนอลที่กำลังมองหาประตูตีเสมอก็มาได้ลุ้นจากลูกโขกของชิรูด์ที่ข้ามคานออกไป นับเป็นการเตือนทีมปีศาจแดงถึงความอันตรายในการเล่นลูกกลางอากาศของเขา
หลังจากนั้นโอกาสลุ้นประตูก็ไม่ค่อยมีให้เห็น แม้ว่าทีมเยือนจะพยายามเปิดเกมเข้ากดดันอยู่ตลอด ป้ายทดเวลาบาดเจ็บถูกชูขึ้นมา 5 นาที ซึ่งแนวรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่นำโดยเด เคอาก็สามารถต้านทานได้อยู่ ทำให้คว้า 3 คะแนนสำคัญไปครองได้สำเร็จ
สถิติ